การทำความสะอาดบ้านอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันคือเรื่องใหญ่ที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันโดยตรง! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความเป็นระเบียบ หรือแม้แต่ความสุขในใจ การรู้ว่าควรทำความสะอาด "เมื่อไหร่" และ "อย่างไร" ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยเลย
บ้านที่สะอาดช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค แบคทีเรีย และฝุ่นละออง ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด หรือแม้กระทั่งโรคผิวหนัง
ลองนึกภาพเวลาคุณกลับบ้านแล้วเจอห้องรก กับอีกแบบที่เปิดประตูมาแล้วบ้านหอม สะอาดสะอ้าน... แบบไหนที่ทำให้ใจเราสบายมากกว่ากันล่ะ? 😌
กิจกรรมเล็ก ๆ ที่ควรทำทุกวัน เช่น:
กวาดพื้นและถูพื้นเฉพาะจุดที่มีการเดินผ่านบ่อย 🧹
ล้างจานหลังทานอาหาร 🍽️
เช็ดพื้นโต๊ะ/เคาน์เตอร์ 🧽
เทขยะที่มีกลิ่นทุกวัน 🗑️
แค่ไม่กี่นาทีก็สามารถช่วยให้บ้านดูสะอาดและสบายขึ้นทันตาเห็น
กิจกรรมที่ต้องใช้เวลามากขึ้น เช่น:
ถูพื้นทั่วบ้านอย่างละเอียด
ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน
ล้างห้องน้ำแบบล้ำลึก 🚿
เช็ดกระจกหน้าต่าง 🪟
เคล็ดลับคือเลือกทำวันเดียว เช่นวันเสาร์ แล้วเปิดเพลงโปรดให้ตัวเองรู้สึกว่า "นี่คือเวลาชาร์จพลัง"
เช็ดพัดลม/เครื่องปรับอากาศ
ล้างถังขยะด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
ตรวจสอบของในตู้เย็น หมดอายุหรือยัง? 🧊
จัดเรียงตู้เสื้อผ้า และทิ้งของที่ไม่ได้ใช้
Big Cleaning บ้านทั้งหลัง 🏠
ล้างผ้าม่าน พรม
ล้างหน้าต่างด้านนอก
ตรวจสภาพเฟอร์นิเจอร์ ซ่อมหรือเปลี่ยน
เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ต้องล้างพื้น อ่างล้างหน้า ชักโครก ทุก 2-3 วัน
ล้างเคาน์เตอร์ เตา และอ่างล้างจานทุกวัน เช็ดตู้เย็นและไมโครเวฟทุกสัปดาห์
เปลี่ยนผ้าปูที่นอนสัปดาห์ละครั้ง ดูดฝุ่นใต้เตียงเดือนละครั้ง
กวาดและถูพื้นทุกวัน/วันเว้นวัน เช็ดรีโมต ทีวี โต๊ะกลางสัปดาห์ละครั้ง
การทำความสะอาดช่วยลดการสะสมของฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของภูมิแพ้ 🤧
บ้านสะอาด = ใจโล่ง ทำให้มีสมาธิมากขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสาย Work from Home 💻
ลองนึกภาพเพื่อนมาเยี่ยมแบบไม่ได้นัดล่วงหน้า แล้วบ้านคุณสะอาด... แอบภูมิใจใช่มั้ยล่ะ 😎
ใช้เพลงที่มีจังหวะมันส์ ๆ แล้วเต้นไปพร้อมกับถูพื้น กวาดบ้าน ได้เหงื่อแถมอารมณ์ดี 🎶
ตั้งเวลา 15 นาที แล้วดูว่าทำความสะอาดได้กี่ห้อง เหมือนได้เล่นเกมเก็บแต้ม 🕹️
แบ่งหน้าที่ให้ลูก ๆ หรือแฟนช่วยกัน ทำให้กลายเป็นกิจกรรมประจำสัปดาห์ที่ทุกคนสนุก
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น: เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่มีเวลา กดปุ่มแล้วปล่อยให้ทำงานเอง
เครื่องพ่นไอน้ำ: ฆ่าเชื้อได้ดี ใช้กับโซฟา ที่นอน หรือห้องน้ำ
น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์: เช็ดได้เกือบทุกพื้นผิว ควรมีติดบ้าน
บ้านเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ 👃
ฝุ่นเริ่มเกาะตามขอบหน้าต่าง 📏
เริ่มรู้สึกคันหรือคัดจมูกตอนอยู่บ้าน 🥴
น้ำยาทำความสะอาดบางชนิดแรงมากจนส่งผลต่อผิวหนังและทางเดินหายใจ ลองเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ “ปลอดภัย” หรือ “สูตรธรรมชาติ” จะช่วยลดผลกระทบต่อร่างกายได้
การสวมถุงมือยางและหน้ากากขณะทำความสะอาด โดยเฉพาะเมื่อใช้สารเคมี จะช่วยป้องกันการสัมผัสหรือสูดดมสารอันตรายได้ดี
ทำความสะอาดทั่วไป: เช็ด ถู กวาด ล้าง จุดที่ใช้บ่อย
Big Cleaning: ทำแบบละเอียดทุกซอกทุกมุม เช่น เช็ดรางหน้าต่าง ขัดรอยดำ เช็ดฝ้า ทำความสะอาดหลังตู้หรือใต้เตียง
ทั่วไป: ทุกวัน / ทุกสัปดาห์
Big Cleaning: เดือนละครั้ง หรือทุก 3 เดือน แล้วแต่ลักษณะบ้าน
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่สกัดจากพืช ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และย่อยสลายได้ดีกว่าพวกสารเคมีรุนแรง
เลิกใช้ทิชชู่เปลือง ๆ แล้วหันมาใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือลูกกลิ้งดักฝุ่นแบบล้างได้ ช่วยลดขยะไปได้เยอะ
บ้านไม่เลอะ ไม่ต้องทำความสะอาด?
➤ ผิด! ฝุ่นมองไม่เห็นก็มี แบคทีเรียสะสมแบบเงียบ ๆ ได้เช่นกัน
แค่ฉีดสเปรย์ก็พอแล้ว?
➤ ไม่พอ! ต้องเช็ดถูหรือขัดตามด้วยเพื่อขจัดสิ่งสกปรกจริง
ใช้น้ำยาแรง ๆ คือดีที่สุด?
➤ บางครั้งยิ่งแรงยิ่งอันตรายต่อสุขภาพและพื้นผิว
ทำแค่ห้องที่ใช้บ่อยก็พอ?
➤ พื้นที่ที่ไม่ค่อยใช้ก็สะสมฝุ่นเช่นกัน ต้องไม่ละเลย
ทำความสะอาดเยอะไปทำให้เหนื่อยเกิน?
➤ ถ้ารู้จักแบ่งเวลาและใช้วิธีที่ถูกต้อง จะไม่เหนื่อยแน่นอน
อย่าฝืนทำทุกอย่างในวันเดียว! ลองแบ่งเป็น 2-3 วัน เช่น วันจันทร์ห้องนอน, วันอังคารห้องครัว
ใช้ Check list หรือตารางในมือถือช่วยเตือน จะได้ไม่ลืมและไม่รีบ
หากมีงบและไม่มีเวลา ลองใช้บริการทำความสะอาดแบบมืออาชีพ เช่น บริการ Big Cleaning รายเดือนก็สะดวกมาก
ก่อนนอน ลองใช้เวลาแค่ 15 นาทีทำความสะอาดจุดเดียว เช่น เช็ดโต๊ะ ทำให้ไม่รู้สึกว่าต้องทำเยอะ
วันหยุดสบาย ๆ ใช้เวลาทำทีเดียวก็จบ แล้วเอาวันอาทิตย์ไว้พักผ่อน 😄
“ตอนก่อนหน้านี้ฉันเป็นภูมิแพ้หนักมาก พอเริ่มทำความสะอาดทุกวันอาการดีขึ้นแบบชัดเจนเลยค่ะ” – คุณเจี๊ยบ, แม่บ้านสายคลีน
“บ้านที่สะอาดทำให้ผมรู้สึกว่าได้เริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใสทุกวัน” – คุณบอล, พนักงานออฟฟิศ
“ตอนแรกก็ขี้เกียจนะ แต่พอเห็นบ้านสะอาด รู้สึกว่าเราควบคุมชีวิตตัวเองได้” – คุณออม, ฟรีแลนซ์
ขึ้นอยู่กับลักษณะบ้านและวิถีชีวิตของแต่ละคน แต่โดยทั่วไปคือ:
ทุกวัน: พื้นที่ใช้งานประจำ
ทุกสัปดาห์: ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องครัว
ทุกเดือน: พัดลม ตู้เย็น ขอบหน้าต่าง
ทุก 3 เดือนขึ้นไป: Big Cleaning
สิ่งสำคัญคือ “ความสม่ำเสมอ” มากกว่าความสมบูรณ์แบบ เพราะแค่คุณทำเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องเหนื่อยเกินไป ก็ทำให้บ้านน่าอยู่ขึ้นได้แล้ว 😊✨
แนะนำให้ใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีต่อวัน หรือจ้างบริการทำความสะอาดแบบรายสัปดาห์
ได้ผลดีหากเลือกสูตรที่เหมาะสม และใช้อย่างถูกวิธี เช่น ผสมน้ำส้มสายชู+เบกกิ้งโซดา
ต้องทำ! เพราะมีฝุ่นจากการก่อสร้าง เศษไม้ เศษปูนสะสมอยู่
อาจเกิดจากความชื้นสะสม ควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หรือใช้เครื่องลดความชื้น
จริงแน่นอน! การอยู่ในสภาพแวดล้อมสะอาด ส่งผลต่ออารมณ์และพลังงานชีวิตแบบมหาศาล